เปรียบเทียบประกันรถยนต์
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อถึงเวลาจะทำประกันภัยรถยนต์ เพื่อน ๆ จะต้องทำการ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ของแต่ละบริษัท ว่าที่ใดจะให้ความคุ้มครอง ราคาเบี้ยประกัน บริการหลังการขาย หรือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้เราได้รับความสะดวกสบายและคุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1 2+ 3+ 3 เราจำเป็นต้องหาข้อมูลแต่ละบริษัทประกันภัยมา เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ เพื่อที่ได้ทำประกันภัยให้เหมาะสมตรงกับการใช้งานกับเรามากที่สุด (ไม่ใช่การทำประกันรถยนต์เท่านั้น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ก้สามารถเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้)
ก่อนอื่นเพื่อน ๆ ต้องศึกษาเรื่องการ เปรียบเทียบราคาประกันรถยนต์ ในส่วนของ ราคาเบี้ยประกันภัยกันก่อน ซึ่งราคาเบี้ยแต่ละที่จะแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สภาพรถยนต์ ตัวผู้ขับขี่เอง รวมถึงลักษณะการใช้รถ หมายถึงการใช้รถในแต่ละวัน เช่น ใช้บรรทุกของ หรือเป็นการใช้รถยนต์เดินทางทั่วไป
จากนั้นก็มาเปรียบเทียบตารางความคุ้มครอง การขอส่วนลดเบี้ยประกัน ดูบริการหลังการขาย ดังนั้นเพื่อให้ได้ราคาเบี้ยและความคุ้มครองตรงใจที่สุด ให้ทำการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ โดยให้พิจารณาจากหัวข้อดังนี้
เปรียบเทียบราคาประกันรถยนต์
1. เปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์จากบริษัทประกันภัย
ผู้ที่จะซื้อประกันรถยนต์ ควรเปรียบเทียบเบี้ยประกันรถยนต์ อย่างน้อย 3 บริษัทขึ้นไป แนะนำว่าควรเป็นบริษัทประกันภัยที่น่าเชื่อถือ มีความมั่นคง หากเป็นโบรกเกอร์ประกันภัย เพื่อน ๆ จะสามารถเช็คได้มากกว่า 30 บริษัทเลยด้วยนะ สามารถเช็คได้ผ่านหน้าเว็บเพจของแต่ละบริษัทได้ผ่านช่องทางออนไลน์
2. เปรียบเทียบความตารางความคุ้มครอง
นอกจากเปรียบเทียบเบี้ยประกันแล้ว การดูตารางเปรียบเทียบความคุ้มครองประกันรถยนต์ก็นับว่าสำคัญมาก ๆ เช่นกัน กรณีนี้ให้เพื่อนดูจากปีของรถ ปริมาณการใช้รถยนต์ พฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ หากเพื่อน ๆ เป็นคนที่ขับขี่รถยนต์ทุกวัน ขับรถเร็วดั่งฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส และชอบอะไรที่เคลมประกันได้ทั้งหมด ขอแนะนำให้ทำประกันภัยชั้น 1
หากมีรถหลายคันบางคันใช้บ่อย ไม่บ่อย หรือขับน้อยก็ให้ลองเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์2+ 3+ ดูก็ได้ รับรองว่าความคุ้มครองจะตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน แถมเมื่อลองเปรียบเทียบราคาประกันภัยรถยนต์ยังพบว่าถูกกว่าประกันชั้น1 เป็นเท่าตัว ! หากยังไม่รู้ว่าประกันชั้น1 คุ้มครองอะไรบ้าง อ่านบทความนี้ได้เลย >>> ประกันชั้น1 คุ้มครองอะไรบ้าง ถ้าไม่อ่านอย่าเพิ่งทำประกันภัย !
3. ใช้ส่วนลดประวัติดี
หากปีที่ผ่านมาเพื่อน ๆ ไม่เคลมประกันเลย ก็จะได้รับสิทธิส่วนลดประวัติดี เพิ่มปีละ 10% และสะสมได้สูงสุดถึง 50%
อ่านเพิ่มเติม : อยากทำประกันรถยนต์ราคาถูก ต้องรู้จัก ส่วนลดประวัติดี รับรองว่าช่วยลดค่าเบี้ยชัวร์ 100%
4. ทำประกันแบบระบุผู้ขับขี่
ถ้ามั่นใจว่าใช้รถยนต์เพียงผู้เดียว ก็สามารถทำประกันภัยรถยนต์แบบแจ้งระบุชื่อผู้ขับขี่ไว้ได้เลย เพื่อให้บริษัทประกันรู้ว่ารถยนต์คันนี้จะถูกขับโดยคนที่ระบุชื่อเท่านั้น ทำให้ได้สิทธิส่วนลดในการระบุชื่ออีก 5-20% โดยจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุของผู้ขับขี่นั่นเอง
5. ทำประกันรถยนต์แบบมีค่าเสียหายส่วนแรก
ใช้สิทธิซื้อค่าความเสียหายส่วนแรก คือถ้ามีการเคลมเมื่อไหร่ไม่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากหรือน้อย ทางผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเอง โดยมีให้เลือกว่าจะจ่ายเท่าไหร่ ตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท ส่วนที่เหลือบริษัทประกันภัยจ่ายทั้งหมด
เช่น ถ้าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่ต้องจ่ายราคา 15,000 บาท เพื่อน ๆ ซื้อความเสียหายส่วนแรกไว้ที่ 5,000 บาท ก็เท่ากับว่าจะต้องจ่ายค่าเบี้ยให้กับบริษัทประกันภัยแค่ 10,000 บาท ถ้าทั้งปีไม่มีเคลมเลย ก็จะได้ส่วนลดไป 5,000 บาท
ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์
เราลองมาดูเรื่องของ ตารางความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ แต่ละประเภทกัน ลองเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้นดูว่าให้ความคุ้มครองเป็นอย่างไร
ตารางเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น1
ประกันชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ! แถมเบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็แพงสุดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการชนแบบมีคู่กรณี หรือ ไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์ชั้น1 ก็ให้ความคุ้มครองทั้งหมด ! โดยความคุ้มครองหลัก ๆ จะมีดังนี้
ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + รถชน + รถหาย + รถไฟไหม้ + รถน้ำท่วม
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรือ อนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอกอย่างการซ่อมรถให้กับคู่กรณี
- คุ้มครองรถของเราเมื่อเกิดเหตุรถหาย และไฟไหม้
- คุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณี และไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนเสา ชนประตู ฯลฯ
- มีความคุ้มครองความเสียหายรถเมื่อเกิดจากเหตุน้ำท่วม
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ชั้น2
จะว่าไปแล้ว ประกันชั้น 2 ธรรมดา ถือได้ว่าเป็นประกันภัยรถยนต์ที่ได้รับความนิยมน้อยมากที่สุด คนไม่ค่อยนิยม เปรียบเทียบประกันรถยนต์ สักเท่าไหร่ เพราะทำแล้วไม่ค่อยคุ้มค่า เนื่องจากไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราเลย สรุปความคุ้มครองได้ดังนี้
ซ่อมเขา + ไม่ซ่อมเรา + คุ้มครองรถหาย + รถไฟไหม้
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองรถยนต์ของเราจากเหตุรถหาย และรถไฟไหม้
- ไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราจากเหตุการชนทุกกรณี
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ 2+
ประกันภัยรถยนต์2+ จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมรองลงมาจากประกันชั้น1 แตกต่างกันในเรื่องของวงเงินความคุ้มครอง แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือ ประกันรถยนต์2+ จะคุ้มครองการชนเฉพาะการชนแบบมีคู่กรณีเท่านั้น ! ถ้าขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ถอยชนประตู ชนเสา จะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย สรุปความคุ้มครองได้ ดังนี้
ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + รถชนรถ + รถหาย + รถไฟไหม้ + รถน้ำท่วม
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองรถหาย และรถไฟไหม้
- คุ้มครองการชนแบบ รถชนรถ เท่านั้น
- คุ้มครองรถเมื่อเสียหายจากเหตุน้ำท่วม (เฉพาะบางแผนความคุ้มครอง)
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ชั้น3
ประกันรถยนต์ชั้น3 ถือได้ว่ามีความคุ้มครองน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ประเภทอื่น ๆ โดยจะไม่คุ้มครองรถยนต์ของเรา จะให้ความคุ้มครองซ่อมแค่รถคู่กรณีเท่านั้น ! สรุปความคุ้มครองได้ดังนี้
ซ่อมเขา + ไม่ซ่อมเรา + ไม่คุ้มครองรถหายและไฟไหม้
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- ไม่ให้ความคุ้มครองกับรถยนต์ของเราเลยทุกรณี
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ 3+
ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส จะมีความคุ้มครองรองลงมาจากประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองรถยนต์ของเราจากการชน (รถชนรถ) แต่จะไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราเมื่อได้รับความเสียหายจากเหตุไฟไหม้และสูญหาย สรุปความคุ้มครองได้ดังนี้
ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + รถชนรถ + ไม่คุ้มครองรถหายและไฟไหม้ + น้ำท่วม
- คุ้มครองความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- คุ้มครองการชน แบบรถชนรถ เท่านั้น !
- ไม่คุ้มครองรถหาย และรถไฟไหม้
- คุ้มครองรถเมื่อเสียหายจากเหตุน้ำท่วม (เฉพาะบางแผนความคุ้มครอง)
เปรียบเทียบประกันรถยนต์กับบริการหลังการขาย
นอกจากเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์ กับตารางความคุ้มครองแล้ว เรื่องของบริการหลังการขายก็สำคัญมาก ๆ ซึ่งแต่ละบริษัทประกันภัยให้บริการหลังการขายที่ไม่เหมือนกัน เราต้องลองพิจารณาสอบถามจากบริษัทประกันก่อนซื้อประกันภัย เพราะส่วนนี้บริษัทประกันจะไม่ค่อยยอมบอกซะเท่าไหร่ เช่น
- มีบริการหลังการขายที่คุ้มค่าให้กับเรา เช่น กรณีรถเสียกะทันหัน บริษัทประกันภัยจะต้องมีบริการลากรถฉุกเฉินให้กับเพื่อน ๆ 24 ชั่วโมง
- มีบริการให้รถใช้ระหว่างซ่อมหรือไม่
- บริการช่วยเหลืออื่น ๆ 24 ชั่วโมง
- บริการผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยได้
- บริการส่งเอกสารฟรี
ถ้าเพื่อน ๆ จะทำประกันภัยรถยนต์เมื่อไหร่ก็ตาม อย่าลืม เปรียบเทียบประกันรถยนต์ กันก่อนนะ อย่าลืมในส่วนของบริษัทประกันภัยหรือโบรกเกอร์ที่จะต้องเลือก โดยจะต้องมีความมั่นคง น่าเชื่อถือได้ มีบริการหลังการขายเป็นเลิศ เรียกประกันแล้วมาภายในไม่เกิน 30 นาที ลองนำหัวข้อดังกล่าวข้างต้นมาพิจารณา และตัดสินใจให้ดีก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์ รับรองเลยว่าถ้าเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์แล้ว ประกันรถยนต์ที่ได้จะราคาถูก แถมความคุ้มครองก็จะคุ้มค่าโดนใจอย่างแน่นอน