ในการที่ต้องขับรถในสภาพอากาศที่ร้อน และแสงแดดจ้าในประเทศไทย แม้ว่าจะมีแอร์ที่คอยช่วยบรรเทาเรื่องความร้อนได้ แต่เพื่อป้องกันแสงแดดที่ส่องแสงแยงตาจำเป็นจะต้องติดฟิล์มรถเพื่อช่วยในการกรองแสงและรังสีที่จะเข้ามาในรถ รวมถึงช่วยลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้อีกด้วย
สำหรับผู้ที่ซื้อรถคันใหม่ การติดฟิล์มให้กับกระจกรถ ก็เป็นสิ่งแรก ๆ ที่ควรพิจารณา เพราะการติดฟิล์มนอกจากจะมีประโยชน์หลัก ๆ ในเรื่องการกรองแสง และรังสีต่าง ๆ ที่จะทะลุกระจกเข้ามาภายในรถ ช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิภายในรถมากเกินไปแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ภายในรถได้ เป็นต้น
ซึ่งในปัจจุบันฟิล์มติดกระจกรถที่มักจะพูดถึงกันเป็นอย่างมากก็คือ ฟิล์มเซรามิค แต่ที่จริงแล้วในการติดฟิล์มรถ จะมีฟิล์มประเภทอื่น เช่น ฟิล์มดำธรรมดา ฟิล์มดำคาร์บอนอีกด้วย แต่แล้วทำไมในปัจจุบันหลาย ๆ คนถึงนิยมติดฟิล์มรถยนต์เซรามิคนั้น ในบทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับฟิล์มรถให้กับผู้อ่าน
ฟิล์มเซรามิคคืออะไร
ฟิล์มเซรามิคคือ ฟิล์มกรอกแสงประเภทหนึ่ง ผลิตโดยใช้เซรามิคอนุภาคขนาดเล็ก (ประมาณ 65 นาโนเมตร) ไปเคลือบหรือฝังลงไปบนเนื้อฟิล์ม ซึ่งเรียกว่า เทคโนโลยีนาโนเซรามิค ด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคนี้จะทำให้ฟิล์มติดรถยนต์เซรามิคมีความสามารถในการกรองแสง กรองรังสี UVA UVB และรังสีอินฟราเรดได้อย่างมีประสิทธิภาพและละเอียดมากกว่าฟิล์มประเภทอื่น ๆ
ฟิล์มเซรามิค ฟิล์มดำธรรมดา และ ฟิล์มดำคาร์บอน
ฟิล์มแต่ละประเภทนั้นจะมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกัน สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาก่อนเลือกฟิล์มติดกระจกรถ ทางบทความได้รวบรวมข้อมูลฟิล์มดำธรรมดา ฟิล์มดำคาร์บอน และฟิล์มเซรามิคว่า มีความแตกต่างกันอย่างไรก่อนพิจารณา
ฟิล์มเซรามิค
ฟิล์มเซรามิค เป็นฟิล์มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื้อฟิล์มจะเป็นสีดำ มีความยืดหยุ่น ทนทาน แข็งแรงกว่าฟิล์มประเภทอื่น ๆ ซึ่งฟิล์มประเภทนี้มีจุดเด่นหลัก คือ “มืดนอก สว่างใน” โดยเมื่อมองจากข้างนอกจะเห็นเป็นสีดำทำให้คนที่อยู่ข้างนอกไม่เห็นสภาพในรถ แต่เมื่ออยู่ในรถจะสามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้แล้วยังมีข้อดีอื่น ๆ เช่น ป้องกันรังสีประเภทต่าง ๆ ช่วยทำให้รถมีอุณหภูมิไม่สูงมากจนเกินไป ซึ่งนั่นหมายความว่าจะช่วยทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น ไม่เป็นตัวกีดขวางสัญญาณต่าง ๆ เช่น GPS Wifi หรือ Easy pass เนื่องจากฟิล์มไม่มีส่วนประกอบของโลหะ จึงทำให้หมดปัญหาเวลาในการขับรถไปสถานที่ต่าง ๆ
แม้ว่าฟิล์มเซรามิคจะมีข้อดีต่าง ๆ มากมาย แต่ก็จะมีข้อเสีย เช่น ฟิล์มอมความร้อน โดยเมื่อฟิล์มได้รับความร้อนนาน ๆ โดยไม่ขยับ ฟิล์มจะค่อย ๆ คลายความร้อนออกมาทำให้อุณหภูมิภายในรถสูงขึ้น นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องระวังเรื่องฟิล์มปลอม เนื่องจากฟิล์มเซรามิคแท้ราคาค่อนข้างสูง จึงทำให้มีการผลิตของปลอมขึ้นมา ซึ่งฟิล์มกรองแสงรถยนต์เซรามิคสามารถแยกเนื้อฟิล์มด้วยตาเปล่ายาก
ฟิล์มดำธรรมดา
ฟิล์มดำธรรมดา เป็นฟิล์มดำที่มีลักษณะเนื้อฟิล์มบางมาก และได้รับความนิยมมากในสมัยก่อนเนื่องจากมีราคาไม่สูง ช่วยลดปริมาณแสงแดดและกรองแสงที่เข้ามาในรถได้ในระดับหนึ่ง จึงนับว่าเป็นฟิล์มติดกระจกสำหรับสายงบน้อย
แต่ฟิล์มดำธรรมดามีข้อเสีย คือ ไม่สามารถป้องกันรังสีประเภทต่าง ๆ ได้เนื่องจากไม่มีสารเคลือบบนฟิล์มที่ช่วยป้องกันแสงและรังสี จึงเป็นเหตุที่ทำให้ภายในรถอาจเกิดความร้อนสะสม
ฟิล์มดำคาร์บอน
ฟิล์มดำคาร์บอน เป็นฟิล์มที่อัพเกรดมาจากฟิล์มดำธรรมดา มีลักษณะเนื้อฟิล์มสีดำ มีความด้าน และมีความทนทานสูง โดยฟิล์มดำคาร์บอนจะมีการฝังอนุภาคคาร์บอนในเนื้อฟิล์มซึ่งจะช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด รังสีได้บางส่วน และยังไม่เป็นการรบกวนคลื่นเสียงต่าง ๆ เช่น GPS Wifi อีกด้วย
ในส่วนของข้อเสียของการติดฟิล์มดำคาร์บอนก็คือ ราคาค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่มีงบไม่มาก การติดฟิล์มคาร์บอนอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม
รูป 3 แบบ
ฟิล์มเซรามิคราคา
เนื่องจากฟิล์มเซรามิคมีหลายเกรด แต่ละเกรดก็จะมีคุณสมบัติและข้อจำกัดแตกต่างกัน ทำให้ราคาฟิล์มเซรามิคมีความหลากหลาย โดยราคาฟิล์มจะเฉลี่ยที่ 4,500 จนถึง 15,000 บาทขึ้นไป โดยฟิล์มเซรามิคจะแบ่งตามความเข้มตั้งแต่ 40 60 และ 80
ติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้ม 40 60 80 หมายถึงอะไร?
ฟิล์มรถยนต์ความเข้ม 40
เป็นฟิล์มที่มีความเข้ม 40% หมายความว่าฟิล์มจะยอมให้แสงผ่านเข้ามาในรถได้ประมาณ 40-50% ซึ่งแสงจะสามารถผ่านเข้ามาในรถได้อย่างสบาย ทำให้สามารถมองเห็นในเวลาขับรถทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างสบาย ๆ
แต่เนื่องจากมีความเข้มน้อยกว่าฟิล์มเซรามิค 60 และ 80 นั่นหมายความว่า ความร้อนที่จะเข้ามาในรถนั้นก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นหลายคนที่ติดฟิล์มความเข้ม 40 มักจะติดฟิล์ม 40 แค่บริเวณกระจกหน้าและใช้ฟิล์มเซรามิค60รอบคันแทน เพราะหากติดฟิล์มความเข้ม 80 ความเข้มทางกระจกหน้าและกระจกรอบคันต่างกันเกินไป จะทำให้ปวดหัวเวลาขับรถ
ฟิล์มรถยนต์ความเข้ม 60
เป็นฟิล์มที่มีความเข้ม 60% หมายความว่าฟิล์มจะยอมให้แสงผ่านเข้ามาในรถได้ประมาณ 20% ซึ่งเป็นฟิล์มที่หลาย ๆ คนมักเลือกติดฟิล์มเซรามิค60รอบคันเนื่องจากมีความมืดในระดับที่พอดี สามารถมองเห็นผ่านกระจกได้อย่างสบายตาไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน
แต่การติดฟิล์มเซรามิค 60 ในบางครั้งจำเป็นจะต้องศึกษายี่ห้อ รวมถึงรุ่นของที่เลือกใช้เป็นอย่างดีเนื่องจากบางรุ่นหรือบางยี่ห้อแม้ว่าจะมีความเข้มระดับ 60 แต่แสงสามารถผ่านเข้ามาได้น้อย ทำให้มองเห็นในช่วงกลางคืนค่อนข้างลำบาก
ฟิล์มรถยนต์ความเข้ม 80
เป็นฟิล์มที่มีความเข้ม 80% หมายความว่าฟิล์มจะยอมให้แสงผ่านเข้ามาในรถได้ประมาณเพียงแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งเป็นฟิล์มที่จะช่วยป้องกันความร้อนที่จะเข้ามาในรถได้มากที่สุด แต่ก็มีความมืดมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ดังนั้นฟิล์มเซรามิคความเข้ม 80 จึงมักใช้ติดกระจกด้านข้างประตูแทน เนื่องจากตัวฟิล์มมีความทึบซึ่งจะทำให้การมองเห็นผ่านกระจกไม่ดีเท่าที่ควร
คำถามที่เกี่ยวข้อง
Q : ฟิล์มเซรามิคแท้ กับ เซรามิคเทียม เช็คอย่างไร?
ตอบ ถึงแม้ว่าฟิล์มเซรามิคเทียมจะมีลักษณะภายนอกแทบไม่ต่างจากฟิล์มเซรามิคแท้จนแยกด้วยตาเปล่ายาก แต่ก็สามารถแยกได้โดย
1.ฟิล์มเซรามิคแท้จะมีความเงาน้อย มีค่าสะท้อนแสงน้อยกว่า 8%
2.เนื้อฟิล์มเซรามิคแท้แม้จะดำจากข้างนอกแต่ก็มีความใสทำให้เห็นข้างนอกได้ชัดเจนแม้ช่วงกลางคืน
3.คลื่นสัญญาณ GPS Wifi หรือ Easy pass สามารถผ่านฟิล์มได้ แต่ในปัจจุบันมีฟิล์มเซรามิคปลอมที่ไม่ปิดกั้นสัญญาณด้วยเช่นกัน จึงควรสังเกตด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย
4.มีความทนทานสูง สามารถใช้ได้ยาวนาน
หมายเหตุ หากกังวลว่าจะไม่สามารถแยกฟิล์มเซรามิคแท้ ฟิล์มเซรามิคปลอมได้ ควรเลือกใช้ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักหรือติดจากบริษัทผู้จำหน่ายมีความน่าเชื่อถือ มีการขายฟิล์มกระจกเป็นระยะเวลานาน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับฟิล์มเซรามิคปลอม
Q : ติดฟิล์มเซรามิคดำเข้ม 80% ผิดกฎหมายหรือไม่ ตำรวจจะจับหรือเปล่า ?
ตอบ ในสมัยก่อนการติดฟิล์มรถยนต์ต้องมีค่าแสงผ่านมากกว่า 40% โดยมีการกล่าวอ้างถึงความปลอดภัยในการขับรถ ซึ่งหมายความว่าการติดฟิล์มเซรามิคดำมีความผิดทางกฏหมายจริง แต่ในปัจจุบันได้มีการยกเลิกกฏหมายเหล่านี้แล้วเนื่องจากเป็นกฏหมายที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยกับประชาชนสักเท่าไหร่ จึงไม่มีความกังวลทางด้านติดฟิล์มเซรามิคเข้ม 80%แล้ว
สรุป
การติดฟิล์มกระจกให้กับรถเป็นเรื่องที่ผู้ที่ซื้อรถมาใหม่ ๆ ให้ความสนใจ โดยฟิล์มติดกระจกก็จะมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดอย่างฟิล์มดำธรรมดา ฟิล์มดำคาร์บอน และฟิล์มเซรามิคก็จะมีคุณสมบัติ รวมถึงข้อดีข้อเสียที่ทำให้ราคาแตกต่างกัน
ดังนั้นในการเลือกซื้อฟิล์มติดกระจกรถจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิล์มแต่ละประเภทก่อน แล้วจึงเลือกฟิล์มเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการต่อการใช้งาน หรือพิจารณาติดฟิล์มกระจกรถตามงบที่มี เพื่อที่จะได้ฟิล์มที่ถูกใจและใช้งานได้อย่างยาวนาน